

This platform has completely transformed how we manage our marketing campaigns. The ease of use and powerful features have made a significant impact on our ROI.

The automation capabilities are incredible. We've saved countless hours and improved our customer engagement significantly.

The analytics and reporting features give us insights we never had before. Our conversion rates have improved by 40%.



ถึง: คุณที่กำลังหลงทาง ไม่รู้จะเริ่มสร้างแบรนด์เพื่อโปรโมทตัวเอง หรือธุรกิจอย่างไรดี
“หนังสือ คลิป พอดแคสต์” สิ่งที่ใครก็หาได้เหมือนคุณ
ผลลัพธ์เลยออกมาเหมือนกันหมด:
- แชร์น้อย ยอดไม่ขยับ
- ทำทุกอย่างถูกสูตร แต่ “ไม่โดดเด่น”





ไม่กล้าเริ่มสักที / เริ่มแล้วแต่ก็ไม่เห็นผล
เริ่มเห็นเส้นทางความสำเร็จ แต่ก็ไปต่อไม่ไหว
ทำแบรนด์แล้วแต่ก็ไม่มีลูกค้าสักที
ไม่รู้ว่าตัวเองขาดอะไรถึงไปประสบความสำเร็จ
ไม่มีความสุขกับการทำแบนรด์

ค้นพบความเป็นต้นฉบับของคุณจริง ๆ ที่คุณทำแล้วเป็นตัวเอง มีความสุข ยืนระยะ และต่อยอดได้
ได้เริ่มทำแบรนด์ได้แบบไม่หลงทางและต่อเนื่อง
ได้ทำในสิ่งที่เป็นคุณ ไม่ฝืนตัวเอง ไม่ทำตามใคร
ต่อยอดแบรนด์สู่การสร้างรายได้ (แม้คุณจะมีธุรกิจอยู่แล้วหรือกำลังจะเริ่มต้นก็ตาม)

มา "กะเทาะแก่นแบรนด์"
.
เพื่อค้นพบว่า "แก่นชีวิตคุณเป็นอย่างไร"
คุณเชื่อในอะไร?
คุณจะยืนหยัดเพื่ออะไร?
.
แล้วคุณต้องมีความเป็นต้นฉบับที่คนอื่นวิ่งตามไม่ได้
.
ลูกค้าเจ้าหนึ่งของผมคือ "คุณออมและคุณออย"
สองคนนี้ทำธุรกิจอาหารสัตว์ที่เชียงใหม่
ไม่ว่าพวกเขาจะเจอวิกฤตและปัญหาแค่ไหน
ทั้งคู่บอกผมว่า "แค่กลับมาหาแก่นแบรนด์คือจบ"
.
และทำให้ลูกค้ารายใหญ่ทักเข้ามาเอง โดยไม่ต้องเร่หา
.
.
.
หน้าที่ของแก่นแบรนด์คือ
- ช่วยในการกำหนดอัตลักษณ์ตัวตน
- ช่วยในการวางโครงสร้างวัฒนธรรมแบรนด์ เพื่อช่วยคัดคนเข้า และคัดคนออก
.
มันจะกลายเป็นเหมือน "คัมภีร์ประจำแบรนด์"

คล้ายกับการมอบบทบาทให้ตัวละครตัวหนึ่ง
ทั้งเสื้อผ้า สีสัน รูปร่าง หน้าตา การสื่อสาร ท่าทีต่อสิ่งต่าง ๆ
แม้แต่การวาง "วิธีการตอบคอนเมนต์"
.
ให้คนเห็นธรรมชาติแท้จริงว่า "แบรนด์นี้ต่างอย่างไร"
.
คุณซวง ภาพพิมพ์ช็อป ที่ผมเคยดูแล ได้ค้นพบอัตลักษณ์ความแตกต่างของ "ทิชชู่" ซึ่งต่อยอดมาจากแก่นแบรนด์ที่เราสร้าง
.
.
และหัวข้อ การใช้ชีวิตให้เป็นแบรนด์
.
ในการทำแบรนด์ส่วนใหญ่
ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์สินค้าหรือบุคคล
เจ้าของที่พลาดคือ "เจ้าของที่ไม่อินกับแบรนด์ตัวเอง"
แต่เจ้าของที่อินคือ "เจ้าของที่ใช้ชีวิตเป็นแบรนดดิ้ง"
นั่นหมายถึง ทุกการยืน เดิน นั่ง นอน การกิน การอยู่
ทุก ๆ ก้าวของชีวิต เขาทำแล้วสอดคล้องแบรนดอิ้งตัวเอง
.
สิ่งสำคัญคือการ "วางแผนกิจวัตรประจำวัน"
ให้มันสอดคล้องกับการทำแบรนดดิ้งจริง ๆ
เพราะการทำแบรนด์ต้องมี "วินัย"
และวินัยเกิดจาก "นิสัย"
ซึ่งนิสัย ก็คือ "ทักษะ" ที่สำคัญ
.
คุณมีนิสัยแบบไหน คุณก็มีทักษะแบบนั้น
และถ้านิสัยคุณไม่สอดคล้องกับเป้าหมายที่จะไป

หลายคนคิดว่า “ภาพลักษณ์” คือเรื่องความสวยงาม
.
แต่จริง ๆ แล้วมันคือ ภาษาที่เล่าเรื่องตัวคุณได้ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่พูด
.
.
เพื่อให้คุณ เป็นตัวเองในเวอร์ชันที่สื่อสารได้ดีขึ้น

.
ซึ่งถ้าสื่อสารได้ดี เราจะสามารถมีแฟนคลับที่ชอบเรา หรือมาเป็นลูกค้าได้ตั้งแต่ยอดผู้ติดตามยังไม่เยอะเลย
.
และนอกจากแนวทางการสื่อสารตัวตนที่จะได้ไปแล้ว
.
‘ควรเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมาย หรือควรเน้นไวรัลให้คนเห็นดี?‘
.
ลึกเกินไปคนก็ไม่ดู แมสเกินไปคนก็ไม่เชื่อถือ ไม่ได้ลูกค้า
.

“ความจริงที่เจ็บสุดคือ ถ้าคนยังไม่หยุดดูคุณ
เขาจะไม่ซื้อของคุณแม้แต่บาทเดียว
.
เพราะทุกยอดขายเริ่มจาก ‘การหยุดดู’ ก่อนเสมอ
.
ถ้าทำอะไรออกมาแล้วคนไม่เห็น
ลงแรง ลงเวลา ให้มากกว่านี้ ผลลัพธ์ก็ไม่เปลี่ยน
.
ที่จะทำให้ลูกค้าหยุดดูคุณ
.

.
.
.
.
.

"เคยกันไหมครับ รู้สึกว่าตัวเองมีของมากมาย
แต่ไม่รู้ควรจะดันด้านไหนดี
จะทำอย่างไรให้คนอื่นเห็นคุณค่า
หรือบางครั้งก็สงสัยและไม่มั่นใจในตัวตัวเองบ้างเหมือนกัน
.
หลายคนที่ติดในเรื่อง จุดที่ตัวเองจะยืนในตอนนี้
เพื่อที่จะเติบโตต่อไปได้
.
.
และเป็นแบบเดียวกันกับที่ผมใช้ช่วย คน ที่ต้องการทำงานอย่างมืออาชีพ ให้ตัวเองมีจุดเด่น ขายตัวเองได้แพงขึ้น และดึงดูดลูกค้าให้สนใจอยากซื้อ
.

"ปัญหาของธุรกิจส่วนใหญ่ไม่ใช่ “ขายไม่เป็น”
แต่คือ มองไม่เห็นโอกาสที่อยู่ในมือตัวเองตอนนี้
.
.
.
แต่คุณแค่ต้อง “ใช้ของที่มี ให้ถูกวิธี” และ "วัดผล" ให้เป็น
.
และพอทำถูกจุด รายได้คุณจะเพิ่มขึ้นทันที
.

